13 กันยายน 2551

น่ารัก มากมาย

แก้เครียด

11 กันยายน 2551

เงินเดือน ผู้ว่าฯกทม.เท่าไหร่??

ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กทม. ปี 2528 กำหนดทีมงานของผู้ว่าฯ กทม. ที่เป็นทางการได้รับเงินเดือนรวม 19 ตำแหน่ง ได้แก่ ผู้ว่าฯกทม. ที่มาจากการแต่งตั้งของประชาชน รองผู้ว่าฯ 4 คน เลขานุการผู้ว่าฯ 1 คน ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ 4 คน ประธานที่ปรึกษา และคณะที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ ไม่เกิน 9 คน ทั้งหมดนี้ผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้แต่งตั้ง นอกจากนี้ยังสามารถแต่งตั้งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ได้ไม่จำกัดจำนวน แต่จะไม่มีเงินเดือน
สำหรับเงินเดือนดังกล่าว อิงตาม พ.ร.ก. กำหนดเงินเดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าฯ กทม. ข้าราชการการเมืองอื่นของกทม. และ กรรมการที่ผู้ว่าฯ กทม. แต่งตั้ง (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2547 ที่กำหนดบัญชีอัตราตำแหน่ง เงินเดือนและเงินเพิ่ม ดังนี้
# ผู้ว่าฯ กทม. เงินเดือน 62,830 บาท เงินเพิ่ม 41,500 บาท รวม 104,330 บาท
# รองผู้ว่าฯ เงินเดือน 60,660 บาท เงินเพิ่ม 20,750 บาท รวม 81,410 บาท
#เลขานุการผู้ว่าฯ เงินเดือน 34,610 บาท เงินเพิ่ม 4,400 บาท รวม 39,010 บาท
# ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ เงินเดือน 31,170 บาท เงินเพิ่ม 2,200 บาท รวม 33,370 บาท

#ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ เงินเดือน 37,910 บาท เงินเพิ่ม 8,800 บาท รวม 46,710 บาท
# ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ เงินเดือน 34,610 บาท เงินเพิ่ม 4,400 บาท รวม 39,010 บาท

07 กันยายน 2551

ร่วมจุดเทียน ติดสติกเกอร์ ใส่เสื้อขาว ยุติความรุนแรงกัน

เครือข่ายสังคมไทยร่วมใจปฏิเสธความรุนแรง เชิญชวนประชาชนรณรงค์ยุติความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ

หลังเกิดเหตุการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น หลายคนตั้งคำถามขึ้นในใจว่าเพราะอะไร ทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทำไมคนไทยถึงฆ่าคนไทยด้วยกันเอง และจะทำอย่างไรปัญหาต่างๆ ถึงจะจบลงอย่างสันติ ไม่มีการนองเลือดจนลามไปถึงสงครามกลางเมือง ดังนั้น วันนี้เรามีจึงหยิบเอาคติธรรมข้อคิดดีๆ จากพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี มาฝากคนไทยทุกคนค่ะ

(1) ขอให้รัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคนไทยทั้งปวง จงทำใจให้กว้างโดยการตระหนักรู้ว่า การชุมนุมกันทางการเมืองก็ดี ความขัดแย้งอันเนื่องมาจากความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็ดี ถือว่า นี่เป็นปรากฏการณ์อันเป็นธรรมดาของบ้านเมืองที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย

(2) ขอให้รัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นใหญ่ เป็นสำคัญ อย่าทำการใดก็ตาม เพียงเพื่อสนองผลประโยชน์ของตนเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงว่าประเทศชาติประชาชนจะเสียหายใหญ่หลวงเพียงไร

(3) ขอให้ทุกท่าน ทุกคน ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักธรรมสำคัญ อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยไม่เสียเลือดเนื้อคนไทยด้วยกันดังต่อไปนี้

3.1 ขอให้ยึดมั่นใน "ขันติธรรม" กล่าวคือ การอดทนอดกลั้นให้ถึงที่สุด อย่าลุแก่โทสะ คือ ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา หรือนำไปสู่การเผชิญหน้ากันโดยขาดความยั้งคิด

3.2 ขอให้ยึดมั่นใน "สันติธรรม" กล่าวคือ ใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหาทุกขั้นตอน โดยขอให้คิดอย่างสันติ (เช่น ไม่วางยุทธศาสตร์ให้ทหาร ตำรวจ ใช้อาวุธสงครามบุกเข้าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์) พูดอย่างสันติ (เช่น ไม่กระตุ้นให้เกิดความเกลียดชัง หรือยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรง) และทำอย่างสันติ (เช่น ใช้การเจรจาเป็นทางออกสำหรับการแก้ปัญหา)

3.3 ขอให้ยึดมั่นใน "เมตตาธรรม" กล่าวคือ อย่าเผชิญหน้ากันโดยการตั้งธงแห่งอคติไว้ล่วงหน้าว่า ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตนเป็น "ปรปักษ์" ที่จะต้องถูกกำจัด ถูกลงฑัณฑ์ให้หนักหนาสาหัส แต่ขอให้เผชิญหน้ากับคนที่อยู่ตรงข้ามกับตนในฐานะที่เขาก็เป็น "คนไทยเหมือนกันกับเรา" เขาแค่เห็นหรือปฏิบัติไม่ตรงกับเรา ไม่ได้หมายความว่าเขามี "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์น้อยกว่าเรา"

3.4 ขอให้ยึดมั่นใน "นิติธรรม" กล่าวคือ เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ประเทศชาติประกอบด้วยคนที่ต่างคนต่างความคิด ต่างความเห็น ต่างความต้องการ หากทุกคน ทุกฝ่าย ต่างยึดเอา "ความต้องการ" ของตนเป็นที่ตั้ง ก็ไม่มีทางที่ประเทศชาติจะมีสันติสุขได้เลย ดังนั้น เราทุกคน ทุกฝ่าย จึงควรร่วมกันยกเอากฎหมาย ขึ้นเป็นใหญ่ เป็นสำคัญ เป็นบรรทัดฐาน ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ คนทุกคนที่ไม่ยอมให้แก่ใคร ในท้ายที่สุดก็ควรจะยอมให้แก่กฎหมาย เมื่อมาอยู่เบื้องหน้ากฎหมายแล้วขอให้เราเคารพกฎหมาย เพราะหากไม่เคารพกฎหมายเลย บ้านเมืองก็จะเข้าสู่สภาพอนารยะ ไม่มีขื่อไม่มีแป ไม่มีหลักประกันในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และจะก่อให้เกิดสภาพล้าหลังในทุกๆ ทางอย่างน่าเสียใจเป็นที่สุด

" ขอให้เราคนไทยทุกภาคส่วน ร่วมกันตั้งกัลยาณจิต ภาวนาให้เราสามารถก้าวข้ามวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ร่วมกันอย่างสันติในเร็ววัน"